โรคท่อน้ำตาตันในผู้ใหญ่

1896

โรคท่อน้ำตาตันในผู้ใหญ่ ( Nasolacimal duct Obstruction )

 

            โรคนี้ที่จะพูดถึงคือท่อน้ำตาตันส่วนของท่อน้ำตาด้านล่างและส่วนปลายของท่อน้ำตา ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยนะคะ

อาการของโรคท่อน้ำตาตัน มีได้ตั้งแต่ น้ำตาไหลเอ่อคลอ จนถึงบางคนที่มีน้ำตาไหลตลอดเหมือนคนร้องไห้ตลอดเวลา หรืออาจมีประวัติตาแดง เยื่อบุตาอักเสบเป็นๆหายๆ มีขี้ตาเยอะ บางคนเกิดการอักเสบเป็นฝีหนองได้ คนไข้กลุ่มนี้มักต้องคอยพกผ้าเช็ดหน้าหรือทิชชู่ไว้คอยซับน้ำตา

พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ที่อายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 50-70 ปี แต่วัยทำงานก็สามารถเป็นได้นะคะ

รูปแสดงผู้ป่วยที่มีท่อน้ำตาอักเสบ

สาเหตุ

สาเหตุของท่อน้ำตาตัน โดยส่วนใหญ่มักไม่ทราบสาเหตุ เกิดขึ้นได้เอง ส่วนที่มีสาเหตุอื่นๆที่สามารถเชื่อมโยงได้คือ กลุ่มคนไข้ที่มีอาการไซนัสอักเสบเรื้อรัง มีประวัติการผ่าตัดในช่องจมูกหรือไซนัส , เนื้องอกในช่องจมูกหรือไซนัส ตลอดจน คนไข้ที่มีประวัติได้รับอุบัติเหตุมีการแตกหักหรือได้รับการผ่าตัดกระดูกใบหน้าทางหัวตาที่ติดกับสันจมูกซึ่งทำให้การกดทับท่อน้ำตา

 

การตรวจวินิจฉัย

การตรวจที่ง่ายที่สุดและผู้ป่วยสามารถลองทดสอบตัวเองได้ด้วยคือการกดที่หัวตาข้างสันจมูก คล้ายๆการนวดหัวตาเพื่อรักษาท่อน้ำตาตันในเด็ก ในบางรายที่มีท่อน้ำตาตันจะพบว่ามีน้ำตาทะลักออกมาทางหัวตาทางรูเปิดของท่อน้ำตาซึ่งอาจจะเป็นน้ำตาที่เป็นเมือกหรือขี้ตาที่เป็นหนองทะลักออกมาก็ได้

รูปแสดงการกดนวดที่ตำแหน่งของถุงน้ำตา ซึ่งหากมีท่อน้ำตาตันจะมีขี้ตาและน้ำตาออกมา

แต่การตรวจวินิจฉัยหลักที่คุณหมอตาทั้งหลายจะทำกันคือ การใช้เข็มเล็กปลายตัดไม่คม แยงลงไปทางรูเปิดของท่อน้ำตาที่มีอยู่ที่หัวตาทั้งเปลือกตาบนและล่าง แล้วฉีดน้ำลงไปในรายปกติจะรู้สึกถึงน้ำเค็มๆที่ไหลลงคอ แต่หากมีท่อน้ำตาตัน น้ำจะไหลเอ่อล้นกลับออกมาทางรูเปิดของท่อน้ำตาทั้งบนและล่างเลอะออกมาข้างแก้มซึ่งอาจมีขี้ตาออกมาด้วยค่ะ

​**ก่อนทำการตรวจจะมีการหยอดยาชา เพื่อไม่ให้เจ็บค่ะ ตอนหยอดยาชาจะรู้สึกแสบตามากหน่อยในหยดแรกที่หยอดค่ะ หยดต่อๆไปจะไม่ค่อยแสบตาแล้ว แต่จะรู้สึกหนักๆตาต่อประมาณ 1 ชั่วโมง ( ในช่วงหลังจากมีการหยอดยาชา พยายามอย่าขยี้ตานะคะ เพราะตอนนี้ตาเราชาไปหมดแล้ว หากขยี้ตาแรงๆกระจกตาอาจจะถลอกได้ค่ะ )

*** ขณะที่มีการแยงท่อน้ำตา ให้ลืมตาอย่าบีบตานะคะ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะกลัวและเผลอบีบตาจะทำให้เจ็บในตอนตรวจล้างท่อน้ำตาค่ะ ถ้าร่วมมือดี ลืมตาโตๆเท่าที่จะทำได้ ไม่บีบตา หมอก็จะแยงเข็มลงไปตามท่อได้สะดวกโดยผู้ป่วยจะไม่เจ็บค่ะ

รูปแสดงรูเปิดของท่อน้ำตาล่างข้างซ้าย หมอแยงเข็มล้างท่อน้ำตาทางรูนี้คะ

 รูปแสดงถ้าท่อไม่ตัน น้ำจะลงไปในช่องจมูกซึ่งเวลาล้างท่อน้ำตาหมอให้นอน เลยมีน้ำไหลลงคอเพราะช่องจมูกจะมีทางต่อกับช่องคอค่ะ

รูปแสดงปลายเข็มล้างท่อน้ำตา จะเห็นได้ว่าปลายของเข็มมนไม่มีปลายแหลมคมเหมือนเข็มฉีดยาทั่วไป

 

การรักษา

การรักษาหลักๆของท่อน้ำตาตัน จำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข การหยอดยาและรับประทานยา ไม่สามารถแก้ไขหรือรักษาให้ท่อน้ำตาหายตันได้ และการนวดตาเหมือนเด็กที่ท่อน้ำตาตันตั้งแต่กำเนิดก็ไม่สามารถใช้ได้ในผู้ใหญ่ค่ะ

การรักษาประคับประคองในช่วงที่รอการผ่าตัดก็ได้แก่การหยอดยาฆ่าเชื้อ ซึ่งมีหลายยี่ห้อแล้วแต่จะเลือกใช้ เพื่อลดขี้ตาและ ป้องกันการอักเสบติดเชื้อเป็นถุงหนองที่หัวตา

รูปแสดงผู้ป่วยที่มีหนองที่ถุงน้ำตา จากท่อน้ำตาตัน

 

ในรายที่มีการอักเสบเป็นถุงหนองอย่างในรูป จำเป็นต้องได้รับทั้งยาฆ่าเชื้อหยอดตา และยาฆ่าเชื้อแบบรับประทาน  รวมถึงอาจต้องได้รับการเจาะระบายหนองเพื่อลดอาการปวดด้วย หากอักเสบมากจนบวมทั้งเปลือกตาทั้งหมดอาจต้องได้รับยาฉีดรักษาการติดเชื้อ เพราะบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อเข้าไปในเบ้าตาได้

 

การผ่าตัดรักษาท่อน้ำตาอุดตัน มี 2 วิธี คือ

การผ่าตัดแบบมีแผลเป็น เป็นวิธีการรักษาแบบดั้งเดิม โดยการผ่าตัดผ่านทางผิวหนังที่ข้างสันจมูก ส่งผลให้เห็นเป็นแผลเป็นบนใบหน้า นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบ บวม แดงมาอยู่ก่อนแล้ว จะยังไม่สามารถผ่าตัดได้เนื่องจากผิวหนังบริเวณถุงน้ำตานั้นอักเสบ หากมีการผ่าตัดและเย็บแผล ผิวบริเวณนั้นจะไม่แข็งแรงทำให้เกิดแผลแยกหลังตัดไหมได้ การผ่าตัดจึงค่อนข้างล่าช้า

การผ่าตัดแบบไร้แผลเป็นโดยใช้วิธีการส่องกล้อง “กล้องเอนโดสโคป”(Endoscope) ทำให้เห็นตำแหน่งที่จะผ่าชัดเจนยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการผ่าตัด ฟื้นตัวได้เร็ว ไม่มีแผลเป็น และแม้จะมีอาการอักเสบ บวม แดงมาก่อนก็ยังสามารถรักษาด้วยวิธีนี้ได้ แต่ผ่าด้วยวิธีนี้ได้ ต้องมารับตรวจก่อน ถ้าผู้ที่เคยมีประวัติว่ามีอุบัติเหตุใบหน้าแตกยุบมาก่อน กระดูกจะผิดรูปไป การส่องกล้องผ่าตัดอาจไม่สำเร็จ อาจต้องรักษาแบบเป็นแผลเป็น หรือกรณีที่เป็นเนื้องอกในจมูกก็ต้องผ่าตัดเนื้องอกออกไปก่อน

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีท่อน้ำตาอุดตันและมีภาวะอื่นๆทางตาที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดในลูกตาเช่นผ่าตัดต้อกระจกหรือผ่าตัดจอประสาทตาผู้ป่วยกลุ่มนี้หากไม่ได้รับการผ่าตัดแก้ไขท่อน้ำตาที่ตันก่อน จะมีความเสี่ยงของการติดเชื้อเข้าไปในลูกตาได้สูงกว่าปกติ

 

พญ.อารีย์ นิมิตรวงศ์สกุล

จักษุแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งเบ้าตาและอวัยวะรอบดวงตา